บันทึกการเรียนครั้งที่ 7
วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2559
ความรู้ที่ได้รับ
การนำเสนอวิจัย
การพัฒนาและประเมินการใช้โปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทย
ในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย
ด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี
การศึกษาระดับ ศึกษาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต
ปีที่ทำวิจัย ปีการศึกษา 2554
ผู้วิจัย คุณแสงวิไล จารุวาที
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่ 1
ภาษาเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการติดต่อกัน เพื่อก่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ
แนวคิด และทัศนคติต่างๆ ภาษาเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับมนุษย์ในการสื่อสารกับผู้อื่น
ประเด็นที่ 2
ภาษาของมนุษย์ต้องเกิดจากการเรียนรู้ จากการศึกษาพัฒนาการทางภาษาของมนุษย์
ประเด็นที่ 3 ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความรู้
ความเข้าใจ
และความสามารถที่จะส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กขณะอยู่ที่บ้าน
ประเด็นที่ 4 พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการอบรมเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตขึ้นเป็นคนที่มีคุณภาพสมบูรณ์
ประเด็นที่ 5
การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองจะเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้ปกครองมีความรู้ เจตคติ
และทักษะในการพัฒนาตน
ประเด็นที่ 6
พ่อแม่ผู้ปกครองชาวไทยส่วนใหญ่ผ่านการเรียนการสอนมาในวิธีที่แตกต่างกัน
จึงยังขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
และไม่สามารถส่งเสริมให้เด็ก ฝึกการออกเสียง อักษรตามที่โรงเรียนสอนได้
ทำให้เด็กเกิดความสับสน
ประเด็นที่ 7
ผู้วิจัยต้องการพัฒนาโปรแกรมการการสอนภาษาแบบโฟนิกส์แก่ผู้ปกครองชาวไทย
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความรู้ ความ เข้าใจ
และความสามารถที่จะส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กขณะอยู่ที่บ้าน
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน
ออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ ในเรื่องเสียงอักษร (Letter
Sounds) ทักษะการผสมเสียงให้เป็นคำ(Blending
Skills) และทักษะการแยกเสียงในคำ(Segmenting
Skills)
2.เพื่อประเมินการใช้โปรแกรมการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ของผู้ปกครองไทย
โรงเรียนนานาชาติเซ นต์แอนดรูส์ สามัคคี
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.เพื่อส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
และแผนการดำเนินการใช้โปรแกรมที่ได้ จากการวิจัยนี้
โรงเรียนสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้
ความเข้าใจในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย
ให้สอดคล้องไปกับการ เรียนการสอนของทางโรงเรียน
2.เพื่อส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษ
ของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมในโรงเรียนที่มีลักษณะและแนวการเรียนการสอนคล้ายคลึงกัน
โดยดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพและความพร้อม ของโรงเรียนนั้นๆ
3.ช่วยให้ผู้ปกครองเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการมีบทบาททางการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน
ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย
ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
1.กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ
ผู้ปกครองชาวไทยของนักเรียนปฐมวัยอายุ 5-6 ปีที่ กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น Year
1 (เทียบเท่าชั้นอนุบาล 3 ในระบบการศึกษาไทย) ปีการศึกษา 2553
ของโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี จังหวัดนนทบุรี
ผู้วิจัยใช้การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ เจาะจง ได้จำนวน 11 คน คือ
1.1
มีลูกศึกษาในโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี มาแล้วไม่น้อยกว่า1ปี
1.2 มีภาษาไทยเป็นภาษาแม่
1.3 สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
2.เนื้อหาของโปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน
ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
3.ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง 9 สัปดาห์
แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1
การทดสอบความสามารถทางโฟนิกส์ของเด็กปฐมวัย
ขั้นที่ 2
การประชุมให้ความรู้ผู้ปกครองไทยที่เข้าร่วมการวิจัย เรื่องการ สอนภาษาแบบโฟนิกส์
ขั้นที่ 3
การปฏิบัติการใช้กิจกรรมส่งเสริมสำหรับฝึกและพัฒนาทักษะของเด็กปฐมวัย
ขั้นที่ 4 การทดสอบความสามารถทางโฟนิกส์
ด้วยการฟังเสียงอักษร การผสมเสียง การแยกแยะเสียง และการถอดรหัสเสียงอักษรในคำ
ขั้นที่ 5 และประเมิน ผลการปฏิบัติตาม
โปรแกรมการส่งเสริมทักษะทาง โฟนิกส์โดย ผู้ปกครองไทยโดยการสัมภาษณ์ผู้ปกครอง)
4.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย
4.1
โปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยโดยการประชุมปฏิบัติการเรื่องการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาแบบโฟนิกส์ด้วยกิจกรรมส่งเสริมสำหรับฝึกและพัฒนาทักษะ
4.2
แบบทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์สำหรับเด็กปฐมวัย
4.3
แบบสัมภาษณ์ประเมินการใช้โปรแกรมของผู้ปกครองชาวไทย
การส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยนิยามศัพท์เฉพาะ
1.โปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครอง หมายถึง
การให้ความรู้ในเรื่องเสียงอักษร
ภาษาอังกฤษและแนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาทักษะการออกเสียงอักษร
การผสมเสียงให้เป็นคำ และทักษะการแยกเสียงในคำ
2.ผู้ปกครองไทย หมายถึง บิดา มารดา
หรือผู้ที่มีความสัมพันธ์กับเด็กในครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูแทนบิดามารดา
3.การส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ
หมายถึง
การสนับสนุนและเอาใจใส่ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมสำหรับฝึกและพัฒนาความสามารถในการแปลทางอักษรภาษาอังกฤษและอ่านออกเสียง
ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง
4.เด็กปฐมวัย หมายถึง
เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงมีอายุระหว่าง 5-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ ระดับชั้น Year
1 ( เทียบเท่าระดับชั้นอนุบาล 3 ในระบบการศึกษาไทย)
ในโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี
5.การสอนภาษาแบบโฟนิกส์ หมายถึง
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อฝึกและ พัฒนาการออกเสียงอักษรคำในภาษาอังกฤษ
6.โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี หมายถึง
โรงเรียนระดับอนุบาลและ ประถมศึกษาที่6 ที่มีนักเรียนหลากหลายเชื้อชาติ(อังกฤษ
อเมริกัน ออสเตรเลีย ไทย) การสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร
ซึ่งโรงเรียนตั้งอยู่ในบริเวณถนนสามัคคี อำเภอเมือง
จังหวัดนนทบุรีปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนประมาณ 120 คน
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากร
เด็กปฐมวัยอายุ 5–6
ปี ที่กำลังศึกษา อยู่ในระดับชั้น Year 1 (ซึ่งเทียบเท่าระดับชั้นอนุบาล 3
ในระบบการศึกษาไทย) โรงเรียนนานาชาติ เซนต์แอนดรูส์ สามัคคีปีการศึกษา
2553จำนวนทั้งสิ้น 14 คน
กลุ่มตัวอย่าง
ผู้วิจัยใช้การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง
จำนวน 11 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1.โปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน
ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
2.แบบทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์สำหรับเด็กปฐมวัย
3.แบบสัมภาษณ์ประเมินการใช้โปรแกรมของผู้ปกครองชาวไทย
การดำเนินการวิจัย
ผู้วิจัยใช้ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งสิ้น
9 สัปดาห์
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลนำเสนอในรูปตารางสำหรับข้อมูลเชิงปริมาณ
และ นำเสนอในรูปการบรรยายแบบความเรียงสำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1.วิเคราะห์ผลคะแนนความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์
ด้วยการหาค่าเฉลี่ย ผลต่างคะแนน
และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยผลต่างคะแนนความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมแบบโฟนิกส์
โดยทดสอบค่าที(t-test) แบบDependent Sample ที่ระดับความมีนัยสำคัญที่
.01 แล้วนำเสนอในรูปตารางประกอบความเรียง
2.วิเคราะห์การประเมินการดำเนินการตามโปรแกรมการส่งเสริมทักษะการอ่าน
ภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ปัญหาที่พบ ข้อเสนอแนะโดยผู้ปกครอง ชาวไทย จากแบบสัมภาษณ์โดย
สรุปรวบรวม เรียบเรียง จัดคำตอบต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่แล้วนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในรูป
ตาราง ความถี่ประกอบการบรรยายแบบความเรียงตามประเด็นต่างๆ
วัตถุประสงค์ที่ 1
เพื่อพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนแบบภาษาโฟนิกส์
ในเรื่องเสียงอักษร ทักษะการผสมเสียงให้เป็นคำ และทักษะการแยกเสียงในคำ
ผู้ปกครองทุกคนให้ความสนใจในเรื่องการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
ร่วมแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ในมุมมองของตน
ผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญของตนในฐานะผู้ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาของเด็ก
ผู้ปกครองแสดงความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เสียงอักษร
ฝึกฝนและพยายามจำเสียงอักษรให้ได้ทุกตัวผ่านการเชื่อมโยงกับศัพท์ที่คุ้นเคย
ผู้ปกครองแสดงให้เห็นว่าการฝึกฝนช่วยทำให้ดีขึ้นและเพิ่มความมั่นใจขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น การที่เด็กได้ฝึกฝนเพิ่มที่บ้านจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น
และผู้ปกครองก็เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ
วัตถุประสงค์ที่ 2
เพื่อประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมทักษะทางการออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนแบบโฟนิกส์ของผู้ปกครองไทยโรงเรียนนานาชาติ
เซนต์แอนดรูส์สามัคคี
ผลจากการเปรียบเทียบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ของเด็กปฐมวัยที่เข้าร่วมโปรแกรมด้วยการทดสอบก่อน
และหลังการทดลอง พบว่าหลังการเข้าร่วมโปรแกรม
ความสามารถทางภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยสูงขึ้นกว่าก่อนการเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่ ดำเนินการตามทุกขั้นตอนที่กำหนดไว้ในโปรแกรมอย่างครบถ้วน
เมื่อดำเนินการครบแล้วได้หาคำศัพท์นอกเหนือจากที่กำหนดมาให้เด็กฝึกฝนเพิ่มเติม
ข้อเสนอแนะ
1)
ควรนำผลการวิจัยไปศึกษาในโรงเรียนที่มีบริบทต่างกันแต่ใช้การเรียนการสอนแบบโฟนิกส์เช่นเดียวกัน
เช่น โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ เป็นต้น
เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมและกว้างขวางต่อไป
แหล่งอ้างอิง
แสงวิไล จารุวาที.2554. การพัฒนาและประเมินการใช้โปรแกรมการให้
ความรู้ผู้ปกครองไทย ในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออก เสียง
ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟ นิกส์
โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี. (ออนไลน์).
แหล่งที่มา : http://tdc.thailis.or.th 18
กันยายน 2559
การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำการสอนภาษาแบบโฟนิกไปใช้กับโรงเรียนรัฐบาลหรือโรงเรียนทั่วไปได้
โดยการปูพื้นฐานเด็กให้เกิดความเข้าใจและความรู้ที่ตรงกัน
และในขั้นต่อไปคือสร้างพื้นฐานและความสามารถให้ตรงกับเด็กและสภาพแวดล้อมของโรงเรียนนั้น
ๆ ได้
ประเมิน
ตัวเอง: ตอบคำถาม ออกไปนำเสนอ ได้ดี
เพื่อน:มีการนำเสนอและถามตอบกัน
มีส่วนร่วมอย่างดี
ครู:เปิดโอกาสให้ได้ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน
มีความเป็นกันเอง แนะแนวทางที่ถูกต้องให้